Butterbear

BUTTERBEAR - น่ารักมั้ยไม่รู้ ( Narak Mhai Mai Roo ) | Official MV



ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์

  • เกิด 18 กันยายน พ.ศ. 2538 ชื่อเล่น บูม 
  • มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน โดยเธอเป็นบุตรคนที่ 2 มีพี่ชาย 1 คน และน้องสาว 1 คน ธนวรรณ
  • จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ และระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยทัฟส์ในบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา
  •  IG : butterbear.th

ในปีพ.ศ. 2555 ธนวรรณได้เข้าร่วมประกวดเต้นในกิจกรรม Shake you be 3.2.1 และชนะเลิศได้รับรางวัล จึงมาแคสติ้งเป็นศิลปินในค่ายกามิกาเซ่ ซึ่งก่อนหน้านี้เธอได้มีผลงานถ่ายมิวสิกวีดีโอให้กับนักร้องร่วมค่ายมาบ้างแล้ว คือ ไม่ต้องให้คนทั้งโลกรักเรา ของวงทรีทูวัน และ ไม่ได้อกหัก ของวงเอ็กซ์ไอเอส

ธนวรรณถูกเปิดตัวในฐานะศิลปินคู่กับ นภัสรดา กาญจนเจริญ (เอพริล) ภายใต้ชื่อวง เอบี ควีน พร้อมซิงเกิ้ล "งี่เง่า เข้าใจยาก เรื่องมาก (แล้วรักมั้ย?)" ซึ่งเป็นเพลงที่มีการร้องแบบสไตล์บอร์ดเวย์ และจังหวะแท็ปแดนซ์มามิกซ์ใส่ไว้ในเพลงให้มีความแปลกใหม่ 

นอกจากการร้องเพลงและการเต้นแล้วธนวรรณยังมีความสามารถอีกด้านคือการเล่นเครื่องดนตรีฮาร์ปได้ในระดับหนึ่ง

ต่อมาธนวรรณได้ออกจากวงการบันเทิงและผันตัวมาทำเบเกอรี่จำหน่ายโดยใช้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่า 'สกินนี่ลิเชียส' (SKINNYLICIOUS) เป็นผู้ก่อตั้งและเจ้าของแบรนด์ Butterbear ในเครือ COFFEE BEANS by Dao

ข้อมูลจาก Wikipidea





         ‘น้องเนย’ ตัวแทนความสุขใจฟู ถอดรหัสความปัง ‘Butterbear’ จากมัมหมี ‘บูม-ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์’

วินาทีนี้ คงไม่มีอะไร ฮอตเกินต้าน! ไปกว่า น้องหมีเนย หรือ Butterbear แมสคอตของร้านขนม Butterbear ตั้งอยู่ที่บริเวณชั้น G ห้างสรรพสินค้าเอ็มสเฟียร์ แบรนด์ขนมในเครือ Coffee beans by Dao ที่สร้างปรากฏการณ์ “ห้างแตก!” ได้ไม่แพ้ศิลปินเกาหลี หรือ ซุป’ตาร์เบอร์ใหญ่เมืองไทย
ด้วยใบหน้าสวย ตาหวาน ยิ้มตลอดเวลา ดุ๊กดิ๊กนุบนิบ น่ารักสดใส ขี้เล่น มารยาทงาม ชอบไหว้ย่อ แถมยังเต้นพลิ้วเอวหวาน ตกแฟนคลับทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวจีน เข้า #ด้อมน้องเนย กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุข ที่ใครเห็นก็ “ใจฟู”

ความคิ้วท์ของ “ไอดอลสาวห้างแตกวัย 3 ขวบ (ฉามขวบ)” เป็นไวรัลไปทั่วโซเชียล ด้วยทางแบรนด์ขยันหาทำคอนเทนต์ตลกๆ น่ารักๆ จนสามารถคว้ารางวัล “สุดยอดร้านสร้างสรรค์คอนเทนต์แห่งปี” จากเวที Grab Thumbs Up Awards 2024 มาได้

ชาวจีนหลงรักน้องจนกลายเป็นหมุดหมาย “ถ้ามาเมืองไทยต้องมาถ่ายรูปกับบัตเตอร์แบร์” ส่วน “มัมหมีพ่อหมีคนไทย” ก็คลั่งรักน้องไม่ไหว มาจับจองที่ในห้างเอ็มสเฟียร์ หอบของขวัญมาให้ตั้งแต่ห้างเปิด เพื่อรอเจอและเข้าคิวถ่ายรูปในช่วงบ่ายแก่ๆ และเย็น ของทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์
ไม่เว้นแม้แต่ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ก็ยังถูกตกเข้าด้อม เชิญน้องไปออกรายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ความเฟมัสของไอดอลสาวฮอตขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้เดบิวต์ เข้าสู่วงการ T-POP ขึ้นโชว์ในรายการ “ที-ป๊อปสเตจ” โชว์ลีลาการเต้นในเพลงของตัวเอง “น่ารักมั้ยไม่รู้” ที่ตอนนี้มียอดวิวทะลุหลักล้านเรียบร้อยแล้ว

ล่าสุด ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็มีแผนดึงน้องหมีเนยมาเป็นพรีเซ็นเตอร์หน้าใหม่ โปรโมตการท่องเที่ยวของประเทศไทยไปยังนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน และคาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้
นับเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทย เป็นความน่าทึ่งที่หลายคนยกนิ้วให้ “กลยุทธ์ทางการตลาด” ของเจ้าของแบรนด์ ว่าเป็น “กลยุทธ์ขั้นสูง เหนือชั้น”
สูตรความเฟมัสนั้นเป็นเช่นไร บูม-ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์ หนึ่งในเจ้าของร้านขนมชื่อดัง “Butterbear” ผู้เป็นหนึ่งในมัมหมีผู้ให้กำเนิด “น้องหมีเนย” มาเผยสูตรความสำเร็จว่า สูตรความสำเร็จของเธอมาจาก “ความตั้งใจที่จะมอบความสุขให้กับทุกคน”

บูม-ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์
“บูมเป็นหนึ่งในแม่ๆ ของน้องเนย น้องมีแม่เยอะมาก ทั้งด้อมเป็นแม่หมดเลย” เธอเผยด้วยรอยยิ้มสดใส
บูม ธนวรรณ เผยที่มาของร้านว่า เกิดขึ้นช่วงโควิดที่ทุกคนเกิดความเครียด แต่ทุกคนก็ยังมีความสุขได้จากขนมของคุณแม่ เธอจึงอยากจะทำแบรนด์ขนมที่ช่วยส่งต่อเสี้ยววินาทีความสุขนี้ขึ้นมา ก็มานั่งคิดดูว่าเราจะทำแบรนด์ที่จะมอบความสุขให้คนรูปแบบไหนได้บ้าง แล้วก็ได้เป็นแบรนด์ร้านขนมย้อนวัยกลับไปเป็นเด็ก อีกอย่างคือ อยากได้ตัวแทนความสุข ก็เลยกลายมาเป็นบัตเตอร์แบร์ ซึ่งเธอให้ “หมี” เป็นตัวแทน “ความสุขในวัยเด็กที่เรียบง่าย”

“ความสุขของเรามันเรียบง่ายมาก หนึ่งในตัวแทนที่เราคิดถึงในช่วงวัยเด็กคือตุ๊กตาหมี เชื่อว่าหลายๆ คน ตอนเด็กๆ ต้องมีตุ๊กตาตัวหนึ่งที่เราพูดได้ทุกเรื่อง ระบายได้ทุกอย่าง น้องหมีจะมาคอยให้กำลังใจ และทำให้เรามีความสุขได้ ก็เลยเกิดมาเป็นบัตเตอร์แบร์ที่เป็นตัวแทนแห่งความสุขในวัยเด็กที่เรียบง่าย ไม่ได้ซับซ้อน เต็มไปด้วยความหวัง ความใฝ่ฝัน พร้อมที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาด”
ซึ่งกว่าจะมาเป็น “แมสคอตบัตเตอร์แบร์” ตาหวาน หน้ายิ้ม ปุ๊กลุก ดุ๊กดิ๊ก ก็ผ่านกระบวนการออกแบบจากที่ช่วยกันระดมความคิดเต็มที่
“ตอนแรกเราคิดไว้กว้างๆ ว่าอยากให้เป็นหมีที่คนเห็นแล้วใจฟู ทำยังไงให้ทุกคนเห็นแล้วใจฟู เป็นตัวแทนแห่งความสุขที่เรียบง่าย ส่วนจริตอะไรต่างๆ นานาของน้องที่เห็น มันค่อยๆ พัฒนามาเรื่อยๆ จากฟีดแบ๊ก จากข้อมูลของแฟนคลับ มันค่อยๆ พัฒนา ไม่ได้เกิดขึ้นภายในวันเดียว ก็เหมือนเด็กคนหนึ่งที่นิสัยเด็กคนหนึ่งจะโตมาเป็นใครยังไง มันไม่ได้เกิดขึ้นภายในข้ามคืน ซึ่งหนึ่งในคาแร็กเตอร์ที่ “ทัชใจเหล่ามัมหมี” คือ การไหว้ย่อที่สุดแสนนอบน้อมน่ารัก “น้องเป็นกุลสตรีไทยอยู่แล้ว เป็นเด็กน่ารัก” บูมเผย

ทั้งนี้ ร้านบัตเตอร์แบร์เริ่มจากการขายออนไลน์ จากนั้นก็เปิดป๊อปอัพสโตร์ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ จนกระทั่งผ่านไปครึ่งปี ก็เปิดเป็นหน้าร้านที่เอ็มสเฟียร์ ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้ก็ไม่ง่าย

ช่วงขายออนไลน์ทำให้เราได้เรียนรู้หลายอย่าง และช่วงที่เราทำเดลิเวอรี่ก็มีลูกค้าหลายคนขอให้ช่วยเขียนข้อความส่งไปให้กำลังใจเพื่อนที่โรงพยาบาล เราจึงทำเซตคุกกี้ขึ้นมา หรือตอนคริสต์มาสเราทำกิฟต์เซตออกมา ลูกค้าก็ชอบมาก เราก็เลยรู้ว่า เราต้องทำพวกกิฟต์เซตเพิ่มขึ้น ทุกเดือนต้องมาดูดาต้าและคิดว่า เราควรจะไปต่อยังไง จากความผิดพลาด และความสำเร็จที่เกิดขึ้นในเดือนนั้นๆ โดย “น้องหมีเนย” ก็เกิดมาพร้อมกับร้านในวันแรกที่ขายออนไลน์เลย

“น้องเนยเกิดมาช่วงที่เปิดร้านเลย ซึ่งถ้าไม่มีน้องเนยก็ไม่มีร้าน ในตอนนั้น น้องก็จะมาให้กำลังใจพี่ๆ ที่แพคของส่งเดลิเวอรี่ แล้วก็มีไปช่วยเปิดป๊อปอัพที่พารากอน ตอนนั้นก็ยังไม่มีคนรู้จักน้อง แต่น้องก็พยายามขายของเต็มที่ พยายามเรียกแขกเต็มที่เลย”

จากวันนั้นถึงวันนี้ ร้านบัตเตอร์แบร์เปิดครบ 1 ปี โดยร้านที่เอ็มสเฟียร์ เปิดวันแรกเมื่อสงกรานต์ 2567
“ที่ผ่านมา ตอนแรกที่เปิดเป็นป๊อปอัพ ไม่มีคนรู้จักเยอะมาก ตอนนั้นเราก็พยายามโปรโมต ซึ่งในตอนแรกไม่มีคนให้ความสนใจ น้องเนยมา คนก็แบบ อะไรเหรอ ก็เดินผ่าน เราก็พยายามคิดว่า จะทำยังไงให้คนรู้จักน้องเนยมากขึ้น ทำยังไงให้คนรู้จักขนมเรามากขึ้น เราก็โปรโมตผ่านออนไลน์ ทำน้องเป็นมีมเป็นอะไรสนุกๆ ตลกๆ ที่คนดูแล้วอยากแชร์ต่อ”

แล้วความพยายามก็สำเร็จ เมื่อเกิดคลิปไวรัล “น้องเนย” เต้นดี๊ด๊าในงานวันเด็กที่ห้างเอ็มดิสทริค ซึ่งร้านโพสต์ลงไอจี butterbear.th หลังจากนั้น กระแสบัตเตอร์แบร์ก็ดังกระหึ่มโลกโซเชียล และโด่งดังกลายเป็นกระแสร้อนแรงที่สุด ณ เวลานี้

“ดีใจที่คนเอ็นดูน้อง ซึ่งน้องก็เป็นน้องเนยอย่างนี้มาตั้งแต่วันแรก แต่ที่ดีใจกว่าคือ หลายคนพูดว่า น้องเนยช่วยฮีลใจเขา เขาเห็นน้องแล้วมีความสุข เวลาเครียดๆ จากงาน ดูน้องเนยแล้วฮีลใจ ปรากฏการณ์อันนี้ เป็นอะไรที่ทำให้เราดีใจแทนน้องเนยจริงๆ และทีมงานทุกคนก็ดีใจ มันเหมือนกับว่า ได้ส่งมอบความสุขไปหลายๆ คน และความสุขเป็นอะไรที่ พอส่งมอบให้คนคนหนึ่งไปแล้ว เขาก็ไปส่งต่อให้อีกหลายๆ คนได้”
เป็นความสำเร็จที่หลายคนยกให้เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ “เหนือชั้น”

หาก บูม กลับบอกว่า “เราไม่ได้เหนือชั้นอะไร หรือมีกลยุทธ์อะไรแบบนั้นเลย เราแค่อยากจะทำให้คนมีความสุข และความรู้สึกนี้ มันจะส่งทอดยังไงได้บ้าง ซึ่งเวลาคนจะมีความสุข มันมีทั้ง 5 เซนส์ของหู ตา จมูก ปาก ก็เป็นที่มาว่า ทำไมต้องมีเพลง ทำไมถึงมีอะไรที่ปกติร้านขนมอาจจะไม่ได้ทำ

“ส่วนตัวน้องเนยเอง ก็อยากเป็นไอดอลสาวอยู่แล้ว น้องชอบเต้น ชอบร้องเพลง เราก็อยากเติมเต็มความฝันของน้องเนยด้วย บวกกับมอบความสุขให้ครบสัมผัสทั้ง 5 เมื่อทุกอย่างรวมกันมันได้ความรู้สึกนี้เกิดขึ้น”

ด้วยความตั้งใจที่อยากส่งมอบ “ความสุข” ก็ได้นำพาเรื่องราวดีๆ เข้ามามากมาย ซึ่งทุกอย่างเกิดจากการความต้องการและจินตนาการของชาวด้อมน้องเนยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น การออกมาพบปะแฟนคลับทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ของน้องเนย

“เราไม่ได้คิดเองเลย พอมีคลิปไวรัลไป ก็ลองไปเปิดให้โซเชียลมีเดียจีน มีคนจีนหลายคนพิมพ์มาในคอมเมนต์ว่า อยากเจอน้องเนยตัวจริง ถ้าวันนึงฉันมาไทย ฉันอยากจะเจอกับน้อง ช่วยให้น้องมาที่ร้านได้ไหม เราก็ได้สิ ถ้านี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องการ ก็จัดให้ให้ช่วงเสาร์อาทิตย์ที่น้องไม่ได้มีไปโรงเรียนมาเจอแฟนๆ ที่ร้าน แล้วคนจีนก็เอาไปพูดในโซเชียลมีเดียจีนว่า มาที่ไทยต้องมาเจอน้องเนยนะ น้องเนยน่ารักมากเลย มาเจอแล้วใจฟู”

ซึ่งเธอก็ไม่ได้คาดหวังว่า น้องหมีเนยจะสร้างปรากฏการณ์ “ห้างแตก” ที่ต่อมาก็มีดราม่าเรื่องน้องไม่ใช่หมี แต่เป็นคนใส่ชุดหมี

ซึ่งเหล่าชาวด้อมก็ต่างมาช่วยกันแก้ดราม่าว่า “จริงๆ แล้วนั้น น้องเป็นหมี!!”
จากปากของมัมหมีบูมก็ยืนยันว่า “น้องเป็นหมีน้องเนย จะไปหั่นอะไรไม่ได้ เดี๋ยวน้องเจ็บ ทำร้ายน้องก็ไม่ได้ อยากจะมาดูข้างในคือไส้ น้องเป็นสิ่งมีชีวิต”

ด้วยความคิ้วท์ของไอดอลสาวก็ทำให้ชาวด้อมอยากตามติดทุกความเคลื่อนไหว จึงเป็นที่มาของ “สตอรี่” วันธรรมดาของน้องเนยทำอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ไปโรงเรียน ทำการบ้าน อาบน้ำ

“ตอนแรกเราไม่ได้มีการแชร์รายละเอียดวันธรรมดาของน้อง แต่พี่ๆ ด้อมน้องเนยถามว่า วันธรรมดาน้องทำอะไรอยากจะรู้ เราก็เลยอ๋อ น้องไปโรงเรียน แล้วหลายคนก็แบบ น้องไปโรงเรียนจริงเหรอ เห็นเต้นเก่งขนาดนี้ เราก็เลยสื่อสารกันในเคลียร์ว่า น้องไปโรงเรียนจริงๆ น้องมีการบ้าน ทุกวันน้องเลิกเรียนมา น้องก็ต้องทำการบ้านส่งครู น้องทำอะไร ก็เป็นรีเควสจากพี่ๆ มากกว่า ไม่ได้แบบคิดเองเออเองเลย”
นับเป็นความสำเร็จเพียงชั่วข้ามปี ที่เจ้าของร้านบอกด้วยรอยยิ้มว่า การประสบความสำเร็จมันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ว่าจะตีความสำเร็จอย่างไร แต่สำหรับเราคืออยากจะมอบความสุขให้ทุกคน

“เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว บูมไปที่ร้านตอนกลางคืน แล้วบูมก็เห็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 9 ขวบถือสติ๊กเกอร์บัตเตอร์แบร์ เดินออกมาจากร้านพร้อมคุณแม่ที่ถือถุงบัตเตอร์แบร์ บูมเห็นน้องเขาตื่นเต้นมาก เอาสติ๊กเกอร์มาถือแล้วยิ้มแป้นแบบฟินมากๆ โมเมนต์นั้น บูมรู้สึก มันใช่อะ! มันใช่! เหมือนกับว่าน้องฟิน มีความสุขมากๆ ที่ได้ถือสติ๊กเกอร์บัตเตอร์แบร์ และมันก็เป็นอะไรที่เราอยากจะสร้างความรู้สึกนั้น ก็ดีใจที่ทำได้ ที่เรามาถึงขั้นนี้ได้ ที่ทำให้คนฟินได้แบบนี้ แล้วก็อยากจะพยายามค่อยๆ บิลด์สร้างความฟินนี้ ให้บ่อย ให้คนได้เข้าถึงได้มากขึ้น”

สุดท้าย มัมหมีบูม อยากขอบคุณชาวด้อมที่รักและเอ็นดูน้องเนย พร้อมแง้มว่า น้องจะมีผลงานโกอินเตอร์ในเร็วๆ นี้ โดยเป็นงานที่จะคอลแลบส์กับแบรนด์จากประเทศจีน มีทั้งคาเฟ่ แฟชั่น แอ๊กเซสซารีต่างๆ ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป

บูม-ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์
“หลังจากนี้น้องจะมีผลงานต่างๆ ออกมามากขึ้นในคอนเซ็ปต์หลักๆ คือ คนที่ได้รับไปแล้วรู้สึกมีความสุขใจฟู และก็หวังว่า ของที่เราทำออกมาปลายเดือนสิงหาคมนี้ แต่น้องเนยจะหยุดที่ตรงไหน สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับจินตนาการของพี่ๆ ชาวด้อม เราอยากให้ทุกคนได้สัมผัสน้องเนยแล้วมีความสุขและมีเอ็นเนอร์จี้ที่ดี
ข้อมูลจากมติชนออนไลน์