4EVE

4EVE - BOYS LOVE GIRLS | Official MV



โฟร์อีฟ 4EVE

ชื่อโฟร์อีฟมีที่มาจากคำว่า Forever ผสมกับคำว่า EVE (ผู้หญิงคนเเรกของโลก) หมายถึงผู้หญิงที่อยู่ตลอดไป ส่วนกลุ่มแฟนคลับมีชื่อว่า ฟอร์อาย (For Aye) แปลว่า ตลอดไป เช่นกัน นอกจากนี้ทางวงยังมีชื่อเล่นที่แฟนคลับเรียกแบบสั้น ๆ ว่า "ฟีฟ" อีกด้วยเป็นเกิร์ลกรุปสัญชาติไทย และเป็นศิลปินกลุ่มแรกในสังกัดเอ็กซ์โอเอ็กซ์โอเอนเตอร์เทนเมนต์ ประกอบด้วยสมาชิกจำนวนเจ็ดคนคือ มายด์, โจริญ, ตาออม, แฮนน่า, ฝ้าย, พั้นช์ และอ๊ะอาย

ประวัติ

ผู้ชนะรายการโฟร์อีฟเกิร์ลกรุปสตาร์

สมาชิกภายในวงเป็นผู้ชนะจากรายการ โฟร์อีฟเกิร์ลกรุปสตาร์ ซึ่งเป็นรายการค้นหาศิลปินหญิงมาอยู่ในวงเกิร์ลกรุปกลุ่มใหม่ที่มีชื่อว่า โฟร์อีฟ รายการนี้ออกอากาศทางช่อง 23 Workpoint ในปี 2563 มีทั้งหมด 13 ตอน หลังจากประกาศผลรอบไฟนอลเดบิวต์จึงได้สมาชิกโฟร์อีฟอย่างเป็นทางการทั้งหมด 7คนคือ อ๊ะอาย, ตาออม, มายด์, แฮนน่า, ฝ้าย, โจริญ และพั้นช์ ตามลำดับ

เปิดตัวครั้งแรก

เปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยการปล่อยเดบิวต์ซิงเกิลเพลง อูห์ลาล่า! (Oohlala!) เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563 มาในคอนเซ็ปต์ Girl Crush ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยมิวสิกวิดีโอจากทีม Bad 3rothers ที่เลือกใช้เทคโนโลยี LED Virtual Production เข้ามายกระดับโปรดักชันให้ดูดีขึ้นกว่าเอ็มวีเพลงไทยที่เคยเห็นกันมา หลังจากปล่อยเพลงนี้โฟร์อีฟก็ถูกจับตามองมากขึ้นจากแฟนๆ T-POP ทั้งความสามารถในการร้องการเต้นและสไตล์เพลงที่น่าสนใจ

จากนั้นในปี 2564 ทางวงก็ได้ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรกคือ เดอะเฟิสต์อัลบั้ม (The First Album) และปล่อยมิวสิกวิดีโอเพลง LIKE A BLING ออกมาพร้อมกัน โดยอัลบั้มนี้มีเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ วัดป่ะหล่ะ? (Test Me) ซึ่งติด 10 อันดับแรกของ Spotify Thailand Charts ในช่วงเวลาดังกล่าวและกลายเป็นเพลงฮิตที่มียอดวิวในยูทูบมากกว่าร้อยล้านวิวในปัจจุบัน ความสำเร็จของเพลงนี้คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้โฟร์อีฟก้าวขึ้นเป็นเกิร์ลกรุปแถวหน้าในเวลาต่อมา พร้อมกับปลุกกระแสแนวเพลง T-POP ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ถึงแม้ว่าทางวงจะยังไม่มีการแสดงสดใดๆ เนื่องจากอยู่ในช่วงระบาดของไวรัสโคโรน่าโควิด-19 แต่ความนิยมของพวกเธอกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทางวงก็ยังคงทยอยปล่อยเพลงอื่นๆจากอัลบั้มแรก และปล่อยคอนเทนต์ทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ทั้ง 4EVE Vlog และ 4EVE Challenge จึงทำให้เห็นถึงเสน่ห์ความน่ารัก ความสนุกสนานเฮฮาของสมาชิกแต่ละคน และทำให้มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากความสำเร็จจากเพลง “วัดปะหล่ะ?” และอัลบั้มแรก บวกกับกระแสความนิยมของวงที่เพิ่มขึ้น ทางวงจึงปล่อยอัลบั้มชุดที่ 2 ซึ่งเป็นอัลบั้มพิเศษที่ปล่อยออกมาในปีเดียวกัน นั่นคือ Special Album: Trick or Treat เป็นมินิอัลบั้มที่ประกอบด้วย 4 บทเพลงหลากสไตล์และถูกนำมาทำเป็นมิวสิควีดีโอทุกเพลง เริ่มต้นด้วย Booty Bomb เพลงที่มาพร้อมกับท่าเต้นและคอนเซปต์สุดเท่ ด้วยกระแสตอบรับที่ดีของเพลงนี้ทำให้โฟร์อีฟถูกพูดถึงมากขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ ซิงเกิลถัดมาคือ Trick or Treat เพลงที่เป็นที่มาคอนเซปต์อัลบั้มนี้ บทเพลงเนื้อหาขี้เล่นกับท่วงทำนองที่ติดหู ซิงเกิลที่3 ภาพหลอน (Reels) บทเพลงเศร้าแนวอกหักที่ได้ ทิกเกอร์ มาเป็นพระเอกเอ็มวีครั้งแรก โดยเพลงนี้เป็นงานเก่าของสายป่านโรงบ่มคนดนตรีที่ถูกนำมาทำใหม่ และเพิ่มท่อนแร็ปตามสไตล์โฟร์อีฟเข้าไป ปิดท้ายด้วย Nobody’s Perfect บทเพลงความหมายดีที่ให้กำลังใจแก่คนฟัง หลังจากจบอัลบั้มนี้ ทางวงก็เดินหน้าเตรียมทำอัลบั้มใหม่ต่อทันที

พ.ศ. 2565 สถานการณ์โควิดเริ่มดีขึ้นตามลำดับ โฟร์อีฟจึงเริ่มออกงานอีเวนต์ รับงานพรีเซ็นเตอร์ และทัวร์คอนเสิร์ตตามที่ต่างๆเรื่อยมานับจากนั้น นอกจากนี้ทางวงก็เริ่มได้รับรางวัลจากงานประกาศรางวัลเวทีต่างๆมากมาย อาทิเช่น ศิลปินหน้าใหม่แห่งปีจาก JOOX Thailand Music Awards 2022, Best Music of The Year ประเภท Female Group และ The Best Music of The Year จากเพลงวัดป่ะหล่ะ? งานโทตี้มิวสิกอวอร์ดส์ 2021, Artist of The Year จากงาน TikTok Awards Thailand 2022 เป็นต้น

ด้านงานเพลง 

วงโฟร์อีฟและสมาชิกแต่ละคนเริ่มถูกรับเชิญไปร้องเพลงร่วมกับศิลปินท่านอื่นมากมาย รวมไปถึงเพลงในโปรเจกต์พิเศษต่างๆ เพลงโฆษณา เพลงประกอบละครซีรีส์และภาพยนต์ ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนเพลงหลักในอัลบั้มทางวงก็ได้ทยอยปล่อยซิงเกิลจากอัลบั้มชุดที่ 3 Less is More มาตลอดทั้งปี และเป็นการปล่อยอัลบั้มแบบใหม่คือ ทยอยปล่อยซิงเกิลพร้อมมิวสิควีดีโอทีละเพลง เมื่อครบแล้วจึงรวมเป็นมินิอัลบั้มเพื่อจำหน่ายเป็นซีดีบ็อกซ์เซ็ต โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม ได้ประกาศซิงเกิลแรกคือเพลง "ข้อยกเว้น" ต่อมาในวันที่ 4 กรกฎาคม ได้ประกาศชื่อเพลงซิงเกิลที่ 2 คือเพลง "Boutchya" ซึ่งมีเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษล้วน และวันที่ 11 สิงหาคม ได้ประกาศเผยแพร่เพลงและมิวสิควิดีโอซิงเกิลที่ 3 ในอัลบั้มชุดใหม่คือเพลง "สิ่งเล็กน้อย"

คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก

วันที่ 2 กันยายนในงาน XOXO Showcase ที่สยามแควร์ ทางวงได้เปิดเผยเรื่องการเปิดจองซีดีบ็อกซ์เซ็ตอัลบั้มชุดที่ 3 Less is More พร้อมกับประกาศเรื่องมิวสิควีดีโอซิงเกิลที่ 4 ที่ชื่อว่า "Jackpot" ซึ่งเป็นเพลงปิดอัลบั้มชุดนี้ นอกจากนี้ทางวงยังเซอร์ไพรส์แฟนๆด้วยการประกาศจัดคอนเสิร์ตครั้งแรกในชื่อ "4EVE THE 1st CONCERT FRIENDS & FAMILY" โดยทราบภายหลังว่าจะจัดขึ้นในวันที่ 17 ธันวาคม 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งมีความจุประมาณ 5,000 ที่นั่ง โดยในวันเปิดจำหน่ายบัตรมีแฟนเพลงให้ความสนใจจำนวนมากจนบัตรถูกจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็วภายในครึ่งชั่วโมง จากเสียงเรียกร้องของแฟนๆจึงทำให้ทางวงประกาศเพิ่มรอบในวันที่ 18 ธันวาคม 2565 มาอีกหนึ่งวัน โดยคอนเสิร์ตครั้งนี้มีวง แอทลาส เป็นแขกรับเชิญทั้งสองวัน ต่อมาภายหลังเทปบักทึกภาพการแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้ ถูกนำมาเผยแพร่ให้ได้รับชมทางเน็ตฟลิกซ์

พ.ศ. 2566 หลังจากจบคอนเสิร์ตใหญ่ โฟร์อีฟได้พักช่วงสั้นๆก่อนจะกลับมารับงานกันอย่างหนักหน่วงตลอดทั้งปี ทั้งงานพรีเซ็นเตอร์สินค้าและงานทัวร์คอนเสิร์ตต่างๆทั้งในและต่างประเทศ พร้อมกันนั้นทางวงก็ได้ทยอยปล่อยเพลงจากอัลบั้มใหม่ชุดที่ 4 ที่ชื่อว่า Now Or Never Part 1 โดยทยอยปล่อยซิงเกิลตลอดทั้งปี เริ่มจากเพลง หยดน้ำตา (TEARS), Life Boy (พูดไปก็ไลฟ์บอย), I Like Boys, ไปล้อเล่นไกลๆ (Not Kidding) และ Vroom Vroom เป็นเพลงปิดท้าย ก่อนจะรวมเป็นมินิอัลบั้มและวางจำหน่ายเป็นซีดีบ็อกซ์เซ็ตในคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่ 2 ของวง

คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่สอง

วันที่ 9 ธันวาคม 2566 ได้มีการประกาศคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่ 2 ของวง โดยใช้ชื่อว่า "4EVE Concert NOW OR NEVER Live at Impact Arena " จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตสเกลขนาดใหญ่ที่มีความจุประมาณ 12,000 ที่นั่ง โดยวันจำหน่ายบัตร 4EVE ได้สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งเมื่อสามารถจำหน่ายบัตรหมดอย่างรวดเร็ว และประกาศ Sold Out ภายใน 6 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นเกิร์ลกรุปวงแรกของไทยที่ทำได้ แม้ภายหลังจะประกาศเปิดโซนเพิ่มเล็กน้อยแต่บัตรก็ถูกจำหน่ายหมดทุกครั้ง โดยคอนเสิร์ตครั้งนี้ประสบความสำเร็จและถูกพูดถึงเป็นอย่างมากกับระบบแสง สี เสียง และโปรดักชันที่จัดเต็ม พร้อมด้วยแขกรับเชิญพิเศษ ได้แก่ ยัวร์บอยทีเจ, อิงค์ วรันธร, ไททศมิตร และโอ๊ต ปราโมทย์ นอกเหนือจากนี้ 4EVE ยังสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการโชว์เพลงใหม่ Hot2Hot เป็นที่แรกอีกด้วย

สู่ระดับสากล

ในวันที่ 23 ธันวาคม 2567 เป็นวันครบรอบการเดบิวต์ครบ 4 ปี ได้เปิดตัวเพลงและมิวสิกวิดีโอ BOYS LOVE GIRLS แสดงถึงการก้าวสู่ยุคใหม่ของวงที่มีความที่มีเนื้อหาเติบโตและมีความเป็นสากลขึ้น และการก้าวสู่ระดับสากลโดยการร่วมงานกับค่ายเพลง 88rising โดยการปล่อยกิจกรรมแรกในเทศกาลคริสมาสต์

ต่อมาในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ทางค่าย 88rising ได้ประกาศรายชื่อโฟร์อีฟจะเข้าร่วมแสดงงาน Head In The Clouds Los Angeles 2025 ณ ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม และ 1 มิถุนายน 2568 ถือเป็นศิลปินหญิงกลุ่มแรกจากประเทศไทยที่ได้เข้าร่วมงานนี้

ข้อมูลจาก Wikipedia


1.อาทิตยา ตรีบุดารักษ์ มายด์
  •  เกิด 9 มิถุนายน พ.ศ. 2542 จังหวัดชลบุรี
  • จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจาก โรงเรียนมารีวิทย์ พัทยา 
  • จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในปี พ.ศ. 2565 
  • ได้รับบทนำเป็นครั้งแรกจากละครเรื่อง นางนาคสะใภ้พระโขนง แสดงคู่กับจิรายุ ละอองมณี ซึ่งรับบทเป็น นางนาค ละครออกอากาศทาง เวิร์คพอยท์ทีวี จนเธอได้รับรางวัลมายาทีวีอวอร์ด 2023 สาขา Rising Star Of The Year
  • ในปีถัดมา เธอก็ได้แสดงบทนำในภาพยนตร์ของก้องเกียรติ โขมศิริ เรื่อง Bangkok Breaking: ฝ่านรกเมืองเทวดา แสดงคู่กับศุกลวัฒน์ คณารศ ภาพยนตร์เผยแพร่ในปี พ.ศ. 2567 ผ่านทาง Netflix



 

2.โจริญ คัมภีรพันธุ์ โจริญ
  •  เกิด 28 ตุลาคม พ.ศ. 2542 จังหวัดเชียงใหม่
  • ศึกษาระดับปริญญาตรี คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ .
  • เธอชื่นชอบการเต้นมาตั้งแต่ในวัยเด็ก จึงมุ่งมั่นในการเรียนเต้นอย่างขะมักเขม้น ทว่าเธอหยุดพักความฝันการเป็นศิลปินไปในช่วงเวลาหนึ่ง เนื่องจากต้องกลับมาเลือกเส้นทางการเรียนต่ออย่างชัดเจน แต่เมื่อรายการ 4EVE Girl Group Star เปิดตัว เธอจึงกลับมาฝึกซ้อมการเต้น ร้องเพลงอีกครั้ง เพื่อทำตามความฝันตั้งแต่ในวัยเด็ก และเริ่มต้นค้นหาหนทางเข้าสู่วงการบันเทิง



ในระหว่างการแข่งขันรายการ 4EVE Girl Group Star เธอมีความโดดเด่นในด้านการเต้นเป็นอย่างมากด้วยทักษะที่เธอฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก ด้านการร้องเพลงเธอมีเสียงเป็นอักลักษณ์ พร้อมไปกับการแร็ปที่เสริมเข้ามาเป็นจุดเด่นของเธอ นอกจากนั้นเธอยังพัฒนาตนเองตามคำแนะนำของคณะกรรมการอย่างมุ่งมั่น จนประสบความสำเร็จเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของวง 4EVE พร้อมการคว้าโอกาสด้านการแสดงเพิ่มขึ้น ทั้งมิวสิควิดีโอ ในเพลง นาย (ทำอะไรลงไป) จาก แสตมป์ อภิวัชร์ การร่วมแสดงละครเวทีในรายการ THE MASTERPIECE  รวมถึงการถ่ายแบบอีกด้วย

 

3.เบญญาภา อุ่นจิตร ตาออม

    • เกิด 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543 กรุงเทพมหานคร
    • ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ 
    • เธอนั้นเติบโตมาในครอบครัวที่รักเสียงดนตรี และสนับสนุนการเรียนดนตรีของเธอมาตั้งแต่ในวัยเด็ก ซึ่งเธอนั้นเคยฝากผลงานทางด้านการเป็นนางแบบมาตั้งแต่อายุ 18 ปี 


ด้วยความกล้าแสดงออก และรักในการแต่งตัวเป็นสายแฟชัน โดยเธอนั้นเปิดโอกาสให้กับตนเองในการมุ่งสู่การเป็นศิลปินด้วยการเข้าร่วมแข่งขันรายการ 4EVE Girl Group Star ซึ่งเป็นเวทีประกวดร้องเพลงเวทีแรกของเธอ ในระหว่างการแข่งขันเธอได้แสดงศักยภาพทางด้านการร้อง การเต้น การเอนเตอร์เทนออกมาอย่างมุ่งมั่น และพัฒนาอยู่เสมอ จึงทำให้เธอนั้นประสบความสำเร็จและก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกวง 4EVE เกิร์ลกรุ๊ปมาแรงระดับประเทศ

 

4.แฮนน่า โรเซ็นบรูม แฮนน่า

    • เกิด 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 ประเทศลาว มารดาเป็นชาวลาว บิดาเป็นชาวอเมริกัน แฮนน่าอาศัยอยู่ที่ประเทศไทยจนกระทั่งอายุได้ 8 ขวบ จึงย้ายไปอยู่ที่ประเทศลาว

 

เมื่ออายุได้ 14 ปี แฮนน่าได้เข้าร่วมการแข่งขันร้องเพลงแต่ไม่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ในขณะที่หลังจากเข้าร่วมในปีต่อมา เธอสามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ ในปี 2562 แฮนน่าได้เข้าร่วมการประกวดมิสทีนลาวซึ่งเธอได้รับรางวัลรองชนะเลิศ หลังจากติดท็อป 3 ในการประกวดซูเปอร์โมเดล แฮนน่าได้ไปประกวดต่อในเวทีระดับนานาชาติและเธอได้รับบทในซีรีส์ทางโทรทัศน์ของลาวจำนวน 4 เรื่อง

ในปี 2563 แฮนน่าได้เข้าร่วมรายการโฟร์อีฟเกิร์ลกรุปสตาร์ และเป็น 1 ใน 7 สมาชิกของวงไอดอลไทย โฟร์อีฟ ร่วมกับโฟร์อีฟ เธอออก 1 สตูดิโออัลบั้ม 2 อัลบั้มพิเศษ และอีกหลายซิงเกิ้ล เธอปฏิเสธค่ายเพลงในการเป็นศิลปินเดี่ยว

ในปี 2566 แฮนน่าได้รับบทนำในภาพยนตร์สยองขวัญของลาวเรื่อง "The Signal" ที่กำกับโดยลี พงสะหวัน และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล "นักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม" จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเซี่ยงไฮ้ ในปีเดียวกันเธอได้รับบทเป็น กรกต ในละครไทยเรื่อง กามเทพก้นครัว (ชื่อเดิม แม่สื่อโลโซ) ทางช่องเวิร์คพอยท์

 

5.ณัฐธยาน์ บุตรธุระ ฝ้าย

    • เกิด 2 ธันวาคม พ.ศ. 2545 เชียงใหม่
    • ฝ้ายสะสมความสามารถทางดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เธอเคยเรียนอูคูเลเล่ ก่อนพัฒนามาเล่นกีต้าร์ และเบสตามลำดับ แต่หนึ่งทักษะที่โดดเด่นออกมาคือเรื่องการเต้น 


เธอนั้นมีใจรักในการเต้น และมีความรู้สึกว่าสามารถเชื่อมต่อกับการเต้นได้อย่างรวดเร็วด้วยความที่เธอมองว่าการเต้นเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ไม่มีผิดหรือถูก เธอจึงเคลื่อนไหวร่างกายเต้นไปตามอารมณ์ของเพลง เธอได้รับการสนับสนุนจากคุณแม่ของเธอในการเรียนร้องเพลง เล่นดนตรี และเต้น นั่นจึงทำให้เธอเริ่มสั่งสมประสบการณ์การแข่งขันบนเวทีเล็กเวทีใหญ่ตั้งแต่ช่วงประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนจะฝ่าฟันอุปสรรคจากผู้เข้าแข่งขันในรายการ Girl Group Star เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกวง 4EVE

 

6.ทิพานัน นิลสยาม พั้นช์

  • เกิด 4 มกราคม พ.ศ. 2547 กรุงเทพมหานคร
  • สาวหมวยที่ชื่นชอบในการเต้น เริ่มต้นด้วยการเป็นเชียร์ลีดเดอร์มาก่อน ตอนม.3 มีค่ายติดต่อมาชวนไปเทรนเป็นศิลปินเพื่อไปเดบิวต์ที่เกาหลี ทําให้กลับมาจริงจังกับการเต้น แนวเต้นที่ถนัดที่สุดคือ เซ็กซี่เเละฮิปฮอป ทั้งยังมีความสามารถแร็ปอีกด้วย 

พั้นช์โด่งดังในโลก Tik Tok คนติดตามมากกว่า 8 แสนคน โดยส่วนใหญ่ที่ลงจะเป็นคลิปเต้น ที่เป็นสไตล์ของพั้นช์เอง จนได้เป็นตัวแทน Tik Tok ของประเทศไทย ไปเเข่งเต้นที่ไต้หวัน เเละได้รางวัลขวัญใจ ทำให้คนอื่น ๆ จดจำได้จาก Tik Tok จนได้รับฉายา "เจ้าแม่ Tik Tok" และเป็นมักเน่ไลน์ของวง

 

7.กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ อ๊ะอาย
  • เกิด 9 มิถุนายน พ.ศ. 2548 กรุงเทพมหานคร ชื่อเล่น อ๊ะอาย
  • สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนปัญจทรัพย์ ดินแดง
  • มัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร วิชาเอกดุริยางคศิลป์ศึกษาระดับปริญญาตรีที่วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิชาเอกการแสดงและกำกับการแสดงภาพยนตร์ ต่อมาย้ายไปศึกษาที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สาขาวิชาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิ่ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2567
  • กรณิศชื่นชอบการร้องเพลง จึงให้บิดามารดาพาไปเรียนร้องเพลง โดยใฝ่ฝันจะเป็นนักแสดง นักแต่งเพลง นักร้อง และศิลปินเกิร์ลกรุปที่เต้นและแร็ป

 

  • กรณิศเริ่มงานในวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 7 ปี มีผลงานเริ่มแรกเป็นการแสดงในละครโทรทัศน์เรื่อง ยมบาลเจ้าขา (พ.ศ. 2556) และมีชื่อเสียงจากการเข้าประกวดร้องเพลงหลายรายการ รวมถึง The Trainer ปั้นฝันสนั่นเวที (พ.ศ. 2556)  เดอะวอยซ์ คิดส์ ไทยแลนด์ ซีซั่นที่ 2 (พ.ศ. 2557) และ เด็กร้องก้องโลก (พ.ศ. 2560) ซึ่งทำให้มีผลงานติดตามมาในหลายแขนง ทั้งละครโทรทัศน์ ละครเวที ภาพยนตร์ ตลอดจนการพากย์เสียง การแสดงของกรณิศในละครเรื่อง วาสนารัก (พ.ศ. 2563) ทำให้กรณิศได้รับรางวัลในสาขานักแสดงดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยม
  • ใน พ.ศ. 2563 กรณิศผ่านการแข่งขันในรายการ โฟร์อีฟเกิร์ลกรุปสตาร์ จึงได้เป็นสมาชิกของโฟร์อีฟ
อาชีพ
  • เมื่ออายุ 7 ปี กรณิศจึงได้เริ่มงานในวงการบันเทิง ผลงานการแสดงแรก คือ ละครโทรทัศน์เรื่อง ยมบาลเจ้าขา เมื่อ พ.ศ. 2556
  • กรณิศยังเข้าประกวดร้องเพลงในรายการต่าง ๆ โดยเริ่มจากรายการ The Trainer ปั้นฝันสนั่นเวที ปี 5 ใน พ.ศ. 2556 ซึ่งกรณิศแสดงความสามารถด้วยการร้องเพลงสามเพลงพร้อมเปลี่ยนชุดบนเวทีและเต้น ต่อมาใน พ.ศ. 2557 กรณิศเข้าร่วมรายการ เดอะวอยซ์ คิดส์ ไทยแลนด์ ฤดูกาลที่ 2 และผ่านเข้ารอบห้าคนสุดท้าย ทำให้กรณิศเป็นที่รู้จักมากขึ้นและมีผลงานอื่น ๆ ติดตามมา[3] จากนั้นใน พ.ศ. 2560 กรณิศเข้าร่วมรายการ เด็กร้องก้องโลก โดยร้องเพลง "ความในใจ" ของสุเทพ วงศ์กำแหง
  •  ใน พ.ศ. 2561 กรณิศได้รับเชิญให้กล่าวในการประชุมเท็ดที่กรุงเทพมหานคร โดยกรณิศแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทบาทที่เด็กต้องการเป็นในปัจจุบันและอนาคต และร้องเพลง "นางนวล" ของธงไชย แมคอินไตย์ ซึ่งพรรณนาถึงความฝันของนกนางนวลที่อยากบินไปยังขอบฟ้า เพื่อสื่อความเชื่อของกรณิศที่ว่า แม้เป็นเด็ก ก็สามารถเป็นนางเอกได้
  • ภายหลัง กรณิศได้เข้าร่วมคัดเลือกเป็นศิลปินของวายจีเอนเตอร์เทนเมนต์ที่ประเทศเกาหลีใต้ ก่อนเข้าร่วมการแข่งขันในรายการ โฟร์อีฟเกิร์ลกรุปสตาร์ ซึ่งออกอากาศทางเวิร์คพอยท์ทีวี ประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2563 เพื่อแสวงหาสมาชิกของเกิร์ลกรุปไทยที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่นามว่าโฟร์อีฟ ในการแข่งขันดังกล่าว กรณิศได้รับเลือกเป็นผู้มีความสามารถโดดเด่นที่สุด และได้รับหมวกสำหรับผู้แข่งขันที่ทรงคุณค่ายิ่ง (เอ็มวีพี) กรณิศจึงได้รับเลือกเป็นหนึ่งในสมาชิกเจ็ดคนของโฟร์อีฟ โดยเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดของโฟร์อีฟ 
  • ใน พ.ศ. 2563 กรณิศยังได้รับบทบาท "ใกล้รุ่ง" หญิงสาวนักแสดงลิเกแห่งเมืองนครสวรรค์ในละครโทรทัศน์เรื่อง วาสนารัก การแสดงดังกล่าวทำให้สมัชชานักจัดรายการข่าววิทยุโทรทัศน์หนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยมอบรางวัลหงส์อวอร์ด (โล่สุวรรณหงส์) สาขานักแสดงดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยม แก่กรณิศ